วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ไอ้หนุ่มร้อยรู


               “ตกหลุมครั้งใด เหมือนหัวใจตกหลุมรักเจ้า อยากยลแม้เพียงโฉมเงา แม้เจ้าจะอยู่ในฝัน” ท่อนหนึ่งในบทเพลงที่บ่งบอกว่าคิดถึงคนรัก เพลงที่ได้ยินได้ฟังเมื่อเดินทางมายัง “หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” บทเพลงที่ถูกเขียนขึ้นโดยสองหนุ่ม หลายมุม หลายบุคคลิก ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าป่าอยู่ที่นั่น สภาพโดยทั่วไปของหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เป็นหน่วยพิทักษ์สังกัดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ตั้งอยู่ในอำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งยู่ในป่าลึก เดินทางจากถนนลาดยางละหานทราย – ตาพระยา เข้าไปประมาณ 17 กิโลเมตร ไร้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ ตัดขาดจากโลกแห่งแสงสีและความศิวิไลซ์ทางวัตถุอย่างแท้จริง ในยามค่ำคืนจะมีเพียง สุรา  บทเพลง เสียงกีต้าร์ และเสียงช้างป่าคอยเป็นเพื่อน แต่ใช่ว่า ณ ที่แห่งนั้นจะมีแต่ความเงียบสงบเพียงอย่างเดียว ที่แห่งนั้น หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู หรือเรียกสั้นๆ ว่า ร้อยรู มีศัตรูที่หลายๆ คนหวาดกลัว เป็นศัตรูที่ข่มจิตใจของเจ้าหน้าที่ผู้เฝ้าป่าเป็นอย่างมาก สิ่งๆ นั้นคือ “ความเหงา” ความเหงาปีศาจร้ายที่ทำให้ใครหลายๆ คนต้องน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวมาแล้ว ความรู้สึกที่ทุกคนไม่อยากเจอ แต่สำหรับเหล่าผู้เฝ้าป่าที่ร้อยรู กับเห็นปีศาจตนนี้เป็นดั่งเพื่อนสนิท ทุกๆ เช้าเมื่อลืมตาตื่นนอนขึ้นมาสิ่งที่ทำเป็นอันดับแรกไม่ใช่เข้าห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัวแต่สิ่งที่ทำอันดับแรกคือ “สวัสดีความเหงา” ฟังไปฟังมาอาจจะดูเศร้ากับชีวิตของคนเฝ้าป่า แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะไม่เคยขาดหายไปจากที่แห่งนั้นเลย การคุยกันของสองหนุ่มที่ดูเหมือนจะทะเลาะกันโดยมีพ่อครัวลูกอ่อนคอยห้ามทัพ เป็นสิ่งแรกที่เรียกรอยยิ้มของผู้สัญจรเข้าไปเยี่ยมเยือน ความอบอุ่นเป็นกันเองประกอบกับสิ่งสวยงามจากธรรมชาติรอบด้าน ไม่แปลกใจเลยที่จะทำให้ผู้ที่ได้เคยไปสัมผัสจะหลงใหลสถานที่แห่งนี้ สิ่งที่ยังคงทำให้คนเฝ้าป่ายังหยัดยืนอยู่ได้เห็นทีจะไม่พ้นรอยยิ้มของเด็กๆ ซึ่งเข้ามาทำกิจกรรมเพื่อธรรมชาติ มาเรียนรู้มาศึกษา มาทำให้ คนเฝ้าป่าเหล่านั้นใช้วิธีการ “สื่อให้รัก” มากกว่า “สอนให้รู้” อาจจะจริงที่ต้องสอนเพื่อจะได้รู้แต่การสอนควรแต่จะมีแต่ในห้องเรียน สำหรับห้องเรียนใบใหญ่  ห้องเรียนธรรมชาติ  ต้องสื่อให้ใจเข้าใจว่าธรรมชาติคือหัวใจที่ใครๆ ก็ขาดไม่ได้ การสื่อให้รักดูเหมือนจะเหมาะสมกว่า หลายๆ ครั้งที่มีการทำงานด้านปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนจะต้องถูกถามถึงวัตถุประสงค์หรือความคาดหวังเสมอว่า “ต้องการจะให้เด็กๆ ได้อะไรจากกิจกรรมที่ทำ?” คำตอบส่วนใหญ่มีมากมาย แต่ที่คล้ายคลึงกันเห็นจะเป็นว่า ต้องการให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่ดีและรักผืนป่า แต่มันจะกระทำได้จริง ๆน่ะหรือ ด้วยเวลาอันแสนสั้น ถ้าเราเปลี่ยนความคาดหวังใหม่จะได้ไหม ไม่คาดหวังว่าเด็กๆ จะต้องได้สิ่งๆ นั้นที่วาดฝันไว้ แต่แค่สร้างความผูกพันให้เกิดขึ้นในใจ ก็ความผูกพันมันสร้างง่ายกว่าความรักนี่นา แค่ชั่วโมงเดียวก็เกิดความรู้สึกผูกพันได้แล้ว แต่รักนี่สิ กว่าจะรักได้นานมาก

              พื้นที่ร้อยรูเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่สองของประเทศไทย ถ้าสร้างให้เด็กๆ ผูกพันกับต้นไม้ กับป่า โดยเด็กๆ ไม่รู้ว่ามรดกโลกสำคัญยังไงจะได้ไหมนะ? แล้วถ้าเด็กๆ ผูกพันแล้วลุกขึ้นมาปกป้องป่า มรดกโลกฯ จะได้ผลประโยชน์หรือเปล่านะ?” คำปรึกษาที่ดูเหมือนจะสร้างแต่คำถามให้เกิดขึ้นของนักประชาสัมพันธ์กับคนเฝ้าป่า ไม่รู้หรอกว่าผลจะเป็นยังไง ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแล้วกันทำไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมีคำขอบคุณจากเด็กๆ ที่มาทำกิจกรรม มันยิ่งทำให้เกิดความฮึกเหิม โหมงานต่อดั่งไฟลามทุ่งอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ก็ได้กำลังใจมาแล้วนิ กำลังใจที่ทำให้คนเฝ้าป่าทำงานด้วยหัวใจที่มีหวังว่าสักวันหนึ่งป่าจะสวยงามและสัตว์ป่าจะนอนหลับได้โดยไม่ต้องคอยหลบกระสุนปืน เอ้า!!! เลยร้องเพลงไอ้หนุ่มร้อยรูไปซะไกล คนที่แต่งก็ไม่ใช่ใคร คุณชายแขกและคุณชายปื๊ด จากวังละเลิงร้อยรูนั่นเอง ฟังครั้งแรกแล้วรู้สึกว่าโดนมากถึงมากที่สุด พูดจริงๆ ว่าโค-ตะ-ระโดนกับชีวิตของคนเฝ้าป่าจริงๆ นะ สาวๆ ที่ไหนหนอจะรอไหว แอบคิดก็แอบหวั่นไปตามเพลง เพลงน่ารักๆ ที่สั่นคลอนอารมณ์คนที่เดินทางเข้าไปที่ร้อยรู ไม่ฮิตติดชาร์จอันดับหนึ่ง แต่ฮิตติดใจอันดับหนึ่ง ณ ขณะนี้