“ตกหลุมครั้งใด เหมือนหัวใจตกหลุมรักเจ้า
อยากยลแม้เพียงโฉมเงา แม้เจ้าจะอยู่ในฝัน”
ท่อนหนึ่งในบทเพลงที่บ่งบอกว่าคิดถึงคนรัก เพลงที่ได้ยินได้ฟังเมื่อเดินทางมายัง
“หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” บทเพลงที่ถูกเขียนขึ้นโดยสองหนุ่ม
หลายมุม หลายบุคคลิก ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าป่าอยู่ที่นั่น สภาพโดยทั่วไปของหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เป็นหน่วยพิทักษ์สังกัดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่
ตั้งอยู่ในอำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งยู่ในป่าลึก เดินทางจากถนนลาดยางละหานทราย
– ตาพระยา เข้าไปประมาณ 17 กิโลเมตร ไร้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ ตัดขาดจากโลกแห่งแสงสีและความศิวิไลซ์ทางวัตถุอย่างแท้จริง
ในยามค่ำคืนจะมีเพียง สุรา บทเพลง
เสียงกีต้าร์ และเสียงช้างป่าคอยเป็นเพื่อน แต่ใช่ว่า ณ
ที่แห่งนั้นจะมีแต่ความเงียบสงบเพียงอย่างเดียว ที่แห่งนั้น
หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ร้อยรู” มีศัตรูที่หลายๆ คนหวาดกลัว
เป็นศัตรูที่ข่มจิตใจของเจ้าหน้าที่ผู้เฝ้าป่าเป็นอย่างมาก สิ่งๆ นั้นคือ
“ความเหงา” ความเหงาปีศาจร้ายที่ทำให้ใครหลายๆ คนต้องน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวมาแล้ว
ความรู้สึกที่ทุกคนไม่อยากเจอ แต่สำหรับเหล่าผู้เฝ้าป่าที่ร้อยรู
กับเห็นปีศาจตนนี้เป็นดั่งเพื่อนสนิท ทุกๆ เช้าเมื่อลืมตาตื่นนอนขึ้นมาสิ่งที่ทำเป็นอันดับแรกไม่ใช่เข้าห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัวแต่สิ่งที่ทำอันดับแรกคือ
“สวัสดีความเหงา” ฟังไปฟังมาอาจจะดูเศร้ากับชีวิตของคนเฝ้าป่า
แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะไม่เคยขาดหายไปจากที่แห่งนั้นเลย
การคุยกันของสองหนุ่มที่ดูเหมือนจะทะเลาะกันโดยมีพ่อครัวลูกอ่อนคอยห้ามทัพ
เป็นสิ่งแรกที่เรียกรอยยิ้มของผู้สัญจรเข้าไปเยี่ยมเยือน
ความอบอุ่นเป็นกันเองประกอบกับสิ่งสวยงามจากธรรมชาติรอบด้าน ไม่แปลกใจเลยที่จะทำให้ผู้ที่ได้เคยไปสัมผัสจะหลงใหลสถานที่แห่งนี้
สิ่งที่ยังคงทำให้คนเฝ้าป่ายังหยัดยืนอยู่ได้เห็นทีจะไม่พ้นรอยยิ้มของเด็กๆ
ซึ่งเข้ามาทำกิจกรรมเพื่อธรรมชาติ มาเรียนรู้มาศึกษา มาทำให้
คนเฝ้าป่าเหล่านั้นใช้วิธีการ “สื่อให้รัก” มากกว่า “สอนให้รู้” อาจจะจริงที่ต้องสอนเพื่อจะได้รู้แต่การสอนควรแต่จะมีแต่ในห้องเรียน
สำหรับห้องเรียนใบใหญ่
ห้องเรียนธรรมชาติ
ต้องสื่อให้ใจเข้าใจว่าธรรมชาติคือหัวใจที่ใครๆ ก็ขาดไม่ได้ การสื่อให้รักดูเหมือนจะเหมาะสมกว่า
หลายๆ ครั้งที่มีการทำงานด้านปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนจะต้องถูกถามถึงวัตถุประสงค์หรือความคาดหวังเสมอว่า
“ต้องการจะให้เด็กๆ ได้อะไรจากกิจกรรมที่ทำ?”
คำตอบส่วนใหญ่มีมากมาย แต่ที่คล้ายคลึงกันเห็นจะเป็นว่า “ต้องการให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่ดีและรักผืนป่า” แต่มันจะกระทำได้จริง ๆน่ะหรือ ด้วยเวลาอันแสนสั้น
ถ้าเราเปลี่ยนความคาดหวังใหม่จะได้ไหม ไม่คาดหวังว่าเด็กๆ จะต้องได้สิ่งๆ นั้นที่วาดฝันไว้
แต่แค่สร้างความผูกพันให้เกิดขึ้นในใจ ก็ความผูกพันมันสร้างง่ายกว่าความรักนี่นา
แค่ชั่วโมงเดียวก็เกิดความรู้สึกผูกพันได้แล้ว แต่รักนี่สิ กว่าจะรักได้นานมาก
พื้นที่ร้อยรูเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่สองของประเทศไทย ถ้าสร้างให้เด็กๆ ผูกพันกับต้นไม้ กับป่า โดยเด็กๆ ไม่รู้ว่ามรดกโลกสำคัญยังไงจะได้ไหมนะ? แล้วถ้าเด็กๆ ผูกพันแล้วลุกขึ้นมาปกป้องป่า มรดกโลกฯ จะได้ผลประโยชน์หรือเปล่านะ?”
คำปรึกษาที่ดูเหมือนจะสร้างแต่คำถามให้เกิดขึ้นของนักประชาสัมพันธ์กับคนเฝ้าป่า
ไม่รู้หรอกว่าผลจะเป็นยังไง ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแล้วกันทำไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมีคำขอบคุณจากเด็กๆ
ที่มาทำกิจกรรม มันยิ่งทำให้เกิดความฮึกเหิม โหมงานต่อดั่งไฟลามทุ่งอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ก็ได้กำลังใจมาแล้วนิ
กำลังใจที่ทำให้คนเฝ้าป่าทำงานด้วยหัวใจที่มีหวังว่าสักวันหนึ่งป่าจะสวยงามและสัตว์ป่าจะนอนหลับได้โดยไม่ต้องคอยหลบกระสุนปืน
เอ้า!!! เลยร้องเพลงไอ้หนุ่มร้อยรูไปซะไกล คนที่แต่งก็ไม่ใช่ใคร
คุณชายแขกและคุณชายปื๊ด จากวังละเลิงร้อยรูนั่นเอง
ฟังครั้งแรกแล้วรู้สึกว่าโดนมากถึงมากที่สุด พูดจริงๆ ว่า “โค-ตะ-ระ”
โดนกับชีวิตของคนเฝ้าป่าจริงๆ นะ สาวๆ ที่ไหนหนอจะรอไหว
แอบคิดก็แอบหวั่นไปตามเพลง เพลงน่ารักๆ ที่สั่นคลอนอารมณ์คนที่เดินทางเข้าไปที่ร้อยรู
ไม่ฮิตติดชาร์จอันดับหนึ่ง แต่ฮิตติดใจอันดับหนึ่ง ณ ขณะนี้